Skip to content
Can You Still Have High Cholesterol After Weight Loss_ Her Story Says Yes (1)
นัลลูรี่1 min read

น้ำหนักลดลงแล้ว แต่คอเลสเตอรอลยังสูงอยู่ เป็นไปได้ไหม? เรื่องราวของเธอคนนี้บอกว่า “เป็นไปได้”

บทความนี้เป็นเรื่องราวจากสมาชิกท่านหนึ่งชื่อคุณเจ คุณเจเป็นผู้หญิงวัย 49 ปี เธอทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ไอทีซัพพอร์ตที่ต้องรับมือกับภาระงานที่หนักหน่วงไปพร้อมๆ กับรับผิดชอบภาระส่วนตัว เส้นทางการดูแลสุขภาพของคุณเจเริ่มต้นขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ในตอนนั้นคุณเจมีภาวะอ้วนและมีระดับน้ำตาลสะสมในเลือด (HbA1c) สูงถึง 7.8 ซึ่งเป็นระดับที่น่ากังวล

คุณเจใช้เวลาตลอดหลายปีที่ผ่านมาลดน้ำหนักตัวลงมาจาก 125 กิโลกรัม จนเหลือเพียง 57 กิโลกรัม และปรับค่า HbA1c ให้กลับมาอยู่ในระดับปกติได้อย่างน่าประทับใจ แต่ในช่วงต้นปี 2024 คุณเจกลับต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหม่ นั่นก็คือภาวะคอเลสเตอรอลสูงในระดับที่เป็นอันตราย อีกทั้งความดันโลหิตของเธอก็เริ่มสูงเกินเกณฑ์ปกติ

*อภิธานศัพท์: 

TH-1

เส้นทางการดูแลสุขภาพที่ยังคงไม่สิ้นสุด

การลุกขึ้นมาดูแลสุขภาพตัวเองไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับคุณเจ เพราะเธอเคยทำมาแล้วครั้งหนึ่ง และทำได้ดีมากๆ ด้วย เธอสามารถเอาชนะโรคอ้วนและภาวะก่อนเป็นเบาหวาน (Prediabetes) ได้สำเร็จด้วยการลดน้ำหนักจาก 125 กิโลกรัมลงมาเหลือเพียง 57 กิโลกรัม และค่อย ๆ ลดค่า HbA1c (การตรวจเลือดเพื่อวัดระดับน้ำตาลเฉลี่ยในเลือด) ให้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติได้

แต่ในช่วงต้นปี 2024 สุขภาพของคุณเจกลับมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดคิด แม้ว่าเธอจะมีพัฒนาการด้านสุขภาพที่น่าประทับใจตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ผลตรวจเลือดกลับเผยให้เห็นภาพที่ต่างออกไป คุณเจต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหม่ เนื่องจากเธอมีคอเลสเตอรอลสูงในระดับที่เป็นอันตราย และความดันโลหิตของเธอก็เริ่มสูงเกินเกณฑ์ปกติ

ผลการตรวจนี้เปรียบเหมือนสัญญาณเตือน คุณเจเองทราบอยู่แล้วว่าครอบครัวของเธอมีประวัติการเป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน แต่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเหล่านั้นจะคืบคลานเข้ามาหาตัวเธอได้ เพราะน้ำหนักของเธอก็อยู่ในเกณฑ์ปกติ

ดังนั้น การที่เธอสามารถควบคุมโรคอ้วนและภาวะก่อนเป็นเบาหวานให้กลับสู่ภาวะปกติได้จึงเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น ตอนนี้สุขภาพหัวใจของเธอกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง เธอจึงตั้งใจว่าจะลุกขึ้นมาดูแลตัวเองอย่างจริงจังอีกครั้ง

แม้จะก้าวหน้า แต่ก็ยังมีความท้าทายใหม่ ๆ เข้ามาทดสอบ

ในตอนนั้นชีวิตของคุณเจเต็มไปด้วยตารางงานที่แน่นและเร่งรีบตลอดวัน เธอเองก็เหมือนผู้ใหญ่วัยทำงานคนอื่น ๆ อีกมากมายที่ต้องอดทนรับแรงกดดันที่เกิดขึ้นอย่างเงียบงันและต่อเนื่อง ซึ่งคอยบีบให้เธอต้องจัดการทุกเรื่องให้ได้อยู่เสมอ เธอต้องทำงานนานหลายชั่วโมง แถมยังต้องจัดการเรื่องส่วนตัว และรับมือกับความเครียด สุขภาพของเธอจึงกลายเป็นสิ่งที่ถูกละเลยอยู่เสมอ

แม้คุณเจจะออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งเป็นประจำ แต่ในระหว่างวันเธอไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกายมากนัก ยิ่งกว่านั้น บางครั้งคุณเจก็เผลอหลุดกินอาหารตามอารมณ์ จึงเป็นเรื่องยากที่จะรักษานิสัยการกินที่ดีต่อสุขภาพเอาไว้ได้อย่างสม่ำเสมอ จนในที่สุดสิ่งเหล่านี้ก็เริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพหัวใจของเธอ

สัญญาณเตือนที่จุดประกายการเปลี่ยนแปลง

ผลตรวจเลือดของคุณเจเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้ แม้ว่าเธอจะผ่านการเปลี่ยนแปลงที่น่าประทับใจมาแล้ว แต่ตัวเลขในผลตรวจเหล่านั้นสะท้อนให้เห็นสิ่งที่แตกต่างออกไป อย่างไรก็ตาม คุณเจไม่ท้อแท้ เธอเริ่มต้นดูแลสุขภาพด้วยแรงผลักดันครั้งใหม่ โดยที่เธอจะไม่พึ่งพายาเว้นแต่จำเป็นจริงๆ

เป้าหมายของคุณเจนั้นชัดเจนมาก นั่นก็คือ

✔️ ลดระดับคอเลสเตอรอลและความดันโลหิตลงด้วยวิธีธรรมชาติ

✔️ ลดน้ำหนักให้เหลือ 55 กิโลกรัม

✔️ รู้สึกแข็งแรงขึ้นและมีพลังมากขึ้น

โดยในครั้งนี้ คุณเจเข้าใจดีว่าเธอไม่จำเป็นต้องปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตใหม่ทั้งหมด เพียงแค่ต้องดูแลสุขภาพอย่างชาญฉลาดและทำอย่างสม่ำเสมอ

เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย แต่ได้ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่

ในช่วง 3 เดือนหลังจากนั้น คุณเจได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากคุณ Jasmin Sharif ที่ปรึกษาทางการแพทย์ของ Naluri และคุณ Siti Nabahah นักกำหนดอาหารของ Naluri โดยเธอได้เข้าร่วมโปรแกรมการจัดการโรคเรื้อรังของ Naluri ซึ่งเน้นหลักสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ การเคลื่อนไหวร่างกาย อาหาร มายด์เซ็ต และการพักผ่อน

แผนดูแลสุขภาพหัวใจสำหรับคุณเจมีรายละเอียดดังนี้

  • การออกกำลังกาย ออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยเน้นกล้ามเนื้อแต่ละส่วน และเดินบนลู่วิ่งทุกวันในช่วงพักกลางวัน

  • โภชนาการ จำกัดการกินอาหารที่มีไขมันสูงไม่เกิน 2 ครั้งต่อสัปดาห์ และเพิ่มการกินไฟเบอร์ (ผลไม้ ผัก ข้าวโอ๊ต) โดยควรกินอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์
  • การพักผ่อนและฟื้นฟูร่างกาย พยายามนอนหลับอย่างมีคุณภาพให้ได้ 6–7 ชั่วโมงต่อคืน
  • ทำสิ่งต่าง ๆ อย่างมีสติอยู่เสมอ หมั่นเช็กตัวเองเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังมื้ออาหาร

สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุดคือความสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการกินอาหารที่มีไฟเบอร์สูงและการจัดการมื้ออาหารที่กินนอกบ้าน ส่วนเคล็ดลับของคุณเจคือการวางแผนมื้ออาหารล่วงหน้าและการเดินออกกำลังกายหลังกินอาหาร เมื่อการทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ของเธอเริ่มเข้าที่ คุณเจก็สามารถจัดการกับความอยากอาหารได้ดีมากขึ้น ร่างกายมีพลังงานเพิ่มขึ้น และการนอนหลับก็มีคุณภาพมากขึ้นเช่นกัน

“มันน่าทึ่งมากเลยค่ะที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก เมื่อเราเริ่มสังเกตเห็นความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ” เธอกล่าว

บทบาทของการโค้ช: ยืดหยุ่นแต่มีเป้าหมายชัดเจน

โค้ชของคุณเจให้ความสำคัญกับสิ่งที่เหมาะสมกับตัวคุณเจและสิ่งที่เธอสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง โค้ชไม่ใช้วิธีหักดิบหรือเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตแบบทันทีทันใด แต่พวกเขาค่อยๆ สร้างนิสัยใหม่ให้คุณเจไปทีละอย่าง แผนการดูแลสุขภาพของคุณเจจึงมีความยืดหยุ่น แต่ยังคงมีเป้าหมายที่ชัดเจน

เครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คุณเจเดินหน้าดูแลสุขภาพได้อย่างต่อเนื่อง ได้แก่

  • การพูดคุยอัปเดตความก้าวหน้ากับโค้ชเป็นประจำทุกสัปดาห์
  • การใช้บันทึกสุขภาพแบบออนไลน์เพื่อติดตามดูความก้าวหน้าด้วยตัวเอง
  • การใช้เทคนิคปรับเปลี่ยนอาหาร (Food Swap) แบบง่ายๆ และสร้างกรอบในการวางแผนมื้ออาหารแบบยืดหยุ่น
  • การเปลี่ยนมุมมองใหม่ โดยคิดว่าอุปสรรคเป็นโอกาสให้ได้หยุดคิดทบทวนและลุกขึ้นสู้ใหม่ ไม่ใช่ความล้มเหลว

แม้คุณเจจะมีความมุ่งมั่น แต่เธอก็ยังเป็นมนุษย์คนหนึ่ง บางเวลาคุณเจก็รู้สึกว่าตนเองไม่ก้าวหน้าและเหนื่อยล้า แต่เธอเลือกที่จะไม่ปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นมากำหนดเส้นทางของตัวเธอ ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรผ่านเข้ามา เธอกับโค้ชก็จะปรับเปลี่ยนแผนการและก้าวต่อไปโดยมีเป้าหมายเดียวคือต้องการดูแลสุขภาพหัวใจให้ดีดังเดิม

แข็งแรงขึ้น สุขภาพดีขึ้น และมีพลังมากกว่าที่เคย

หลังจากผ่านไป 3 เดือน การดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอของคุณเจก็เริ่มเห็นผล

📉 ความดันโลหิต

จาก 130/83 → 110/75 มิลลิเมตรปรอท

📉 คอเลสเตอรอลรวม

จาก 8.6 → 7.4 มิลลิโมล/ลิตร

📉 คอเลสเตอรอล LDL

จาก 5.71 → 4.86 มิลลิโมล/ลิตร

แพทย์ประจำบริษัทของคุณเจชื่นชมความก้าวหน้าของเธอ และสนับสนุนให้เธอทำการเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ต่อไปก่อน แล้วจึงค่อยพิจารณาการใช้ยา แต่ผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดก็น่าจะเป็นการที่คุณเจรู้สึกแข็งแรงขึ้น มั่นใจมากขึ้น และสามารถควบคุมดูแลสุขภาพของตัวเองได้อีกครั้ง

“ครั้งนี้ฉันรู้สึกว่าต่างจากครั้งก่อนค่ะ ไม่ใช่เรื่องตัวเลขนะคะ แต่เป็นความรู้สึกของฉันเอง รู้สึกว่าต่างจากเดิมทั้งทางร่างกายและจิตใจเลยค่ะ” คุณเจกล่าว

มุมมองโค้ช: ความคิดเห็นจากโค้ช

“การที่ฉันได้ช่วยคุณเจซึ่งเป็นสมาชิกของเราให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ ช่วยเตือนใจให้ฉันนึกขึ้นได้ว่า สำหรับเรื่องสุขภาพนั้นเราไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ สิ่งที่เราต้องทำก็แค่ดูแลตัวเองแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า” Jasmin Sharif ที่ปรึกษาทางการแพทย์ของ Naluri กล่าว

“เรามักคิดว่าสุขภาพหัวใจเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจตอนที่เราแก่แล้วหรือตอนที่ป่วยแล้ว แต่เรื่องราวของคุณเจทำให้เราเห็นว่า ต้องเริ่มป้องกันปัญหาสุขภาพหัวใจกันตั้งแต่ตอนนี้เลย และการทำสิ่งเล็ก ๆ น้อยๆ อย่างสม่ำเสมอนั้นสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริง ๆ ค่ะ”

บทสรุป

หากเรื่องราวของคุณเจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณเกิดแรงบันดาลใจ เราอยากให้คุณมาเริ่มก้าวแรกสู่เส้นทางการดูแลสุขภาพไปด้วยกัน คุณสามารถจองเวลาเพื่อปรึกษากับโค้ชสุขภาพของ Naluri ได้เลยตั้งแต่วันนี้ และเริ่มสร้างนิสัยที่หัวใจของคุณต้องขอบคุณในวันข้างหน้า เพียงเริ่มทำไปทีละน้อย ทีละสิ่ง อย่างสม่ำเสมอ