ถ้าคุณเคยมองไปรอบ ๆ ห้องประชุมแล้วคิดว่า “ฉันไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่” คุณไม่ได้เผชิญกับความคิดนี้เพียงลำพัง แม้แต่คนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในหน้าที่การงาน ก็อาจถูกความสงสัยในตัวเองค่อยๆ คืบคลานเข้ามาแล้วกระซิบว่า เธอมันไม่ดีพอ ไม่ฉลาดพอ หรือไม่พร้อมมากพอได้เหมือนกัน การวิจารณ์ตัวเองในใจแบบไม่หยุดหย่อนนี้มักเกิดจากสิ่งที่มืออาชีพหลายคนเผชิญอย่างเงียบ ๆ นั่นคือ Imposter syndrome หรือความคิดว่าตนเองด้อยความสามารถ
แม้ว่าการที่คนเรามีความสงสัยในตัวเองสักเล็กน้อยจะช่วยให้เราถ่อมตนและเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ แต่ถ้ามีมากไปก็อาจขัดขวางการเติบโตในด้านอาชีพการงานได้ เพราะทำให้สงสัยว่าตัวเรามีความสามารถจริงไหม และอาจหลีกเลี่ยงโอกาสที่เข้ามา แต่ไม่ต้องกังวลไป ถึงแม้เราจะไม่ได้เกิดมาพร้อมกับความมั่นใจ แต่ความมั่นใจเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาได้
อ่านบทความนี้ต่อเพื่อเรียนรู้ 5 วิธีที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในอาชีพของคุณ
4 สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลังสงสัยตัวเองในการทำงาน
Imposter syndrome ไม่ค่อยมีอาการที่เด่นชัด แต่มักส่งสัญญาณเบา ๆ ให้ได้เห็น โดยสัญญาญที่แสดงว่าคุณอาจกำลังเผชิญกับ Imposter syndrome อยู่มักมีดังต่อไปนี้
-
คุณไม่กล้าแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม แม้ว่าคุณจะมีไอเดีย คำถาม หรือความเห็นที่เป็นประโยชน์
-
คุณด้อยค่าความสำเร็จของตัวเอง โดยมองว่าความสำเร็จเกิดจากโชคช่วยมากกว่าทักษะหรือความพยายามของคุณ
-
คุณคิดมากกับอีเมล ข้อความ หรือบทสนทนา คุณสงสัยว่าคนอื่นจะมองคุณยังไง หรือกังวลว่าตัวเองจะพูดอะไรผิดไป
-
คุณลังเลที่จะรับโอกาสใหม่ ๆ อย่างการสมัครเลื่อนตำแหน่งหรือการเป็นผู้นำโครงการ เว้นแต่คุณจะมั่นใจ 100% ว่าตัวเองมีคุณสมบัติครบถ้วน
5 วิธีที่สามารถนำไปใช้เพื่อช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในอาชีพ
การสร้างความมั่นใจไม่ได้หมายความว่าคุณต้องเป็นคนที่เสียงดังที่สุดหรือกล้าแสดงออกจนเกินพอดี แต่หมายความว่าคุณต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อมั่นในเสียงของตัวเอง การตัดสินใจของตัวเอง และตำแหน่งของคุณ ณ ตรงนั้น มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการรู้จักจุดแข็งของตัวเอง และไม่ปล่อยให้ความกลัวที่จะล้มเหลวหรือถูกเปรียบเทียบมาฉุดรั้งคุณไว้จากการเติบโตในอาชีพ
ความมั่นใจเกิดขึ้นได้จากการลงมือทำอย่างสม่ำเสมอและการปรับวิธีคิดเล็กน้อย นี่คือ 5 กลยุทธ์ที่สามารถนำมาใช้ได้เพื่อช่วยให้คุณเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้นและควบคุมเสียงวิจารณ์ตัวเองได้
1. ทำแฟ้ม “ความสำเร็จ”
เมื่อ Imposter syndrome เข้ามาบดบังความทรงจำของคุณ ก็อาจทำให้คุณหลงลืมไปได้ง่าย ๆ ว่าคุณเดินมาไกลแค่ไหนแล้วกว่าจะถึงวันนี้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการเก็บแฟ้ม “ความสำเร็จ” ในรูปแบบดิจิทัลหรือกระดาษจึงสามารถช่วยได้
เก็บอีเมล คำชมเชย ข้อเสนอแนะ ความสำเร็จต่าง ๆ หรืออะไรก็ได้ที่จะช่วยเตือนใจให้คุณนึกถึงจุดแข็งและอิทธิพลในเชิงบวกของคุณ ในวันที่ยากลำบาก แฟ้มนี้จะกลายเป็นบทสรุปความสำเร็จของคุณที่จะช่วยเสริมความเชื่อมั่นในตัวเองและสนับสนุนให้คุณเติบโตในอาชีพในระยะยาว
2. รับรู้ความสงสัยในใจ แต่อย่าปล่อยให้มันควบคุมคุณ
ก้าวแรกในการเอาชนะความสงสัยในตัวเองคือต้องรับรู้มัน เมื่อความคิดอย่าง “ฉันไม่ดีพอ” หรือ “ฉันไม่เหมาะกับที่นี่” คืบคลานเข้ามา ให้หยุดคิดแล้วถามตัวเองว่า ความคิดนี้มันเกิดจากความกลัวหรือมันเป็นเรื่องจริง การทำแบบนี้จะช่วยให้คิดถึงเรื่องนี้น้อยลง และทำให้คุณมีพลังใจที่จะกลับมาทบทวนความสำเร็จที่ผ่านมา
วิธีที่คุณพูดกับตัวเองมีผลต่อวิธีที่คุณแสดงออก แทนที่จะวิจารณ์ตัวเอง ลองให้เมตตาตนเองมากขี้นอีกหน่อย แล้วเปลี่ยนเป็นคำวิจารณ์ตนเองเป็นคำพูดยืนยันในเชิงบวกให้ตัวเอง การปรับเปลี่ยนคำพูดสักเล็กน้อยอาจช่วยปรับสมองให้มองเห็นความท้าทายเป็นโอกาส แทนที่จะเป็นภัยคุกคาม
ตัวอย่างเช่น แทนที่จะพูดว่า “ฉันทำไม่ได้” ก็ให้ลองพูดว่า “ฉันกำลังเรียนรู้ที่จะทำสิ่งนี้อยู่” หรือพูดเตือนใจตัวเอง เช่น “ฉันเคยผ่านเรื่องยาก ๆ มาแล้ว ฉันรับมือกับสิ่งนี้ได้”
3. ตอบรับแม้ว่าคุณจะรู้สึกว่ายังไม่พร้อม 100%
หลายคนมักรอจนรู้สึกว่าเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วจึงค่อยตอบตกลงที่จะทำอะไรใหม่ ๆ แต่ความจริงนั้นความมั่นใจมักตามมาหลังจากที่คุณรับโอกาสนั้นมาแล้ว
ถ้าคุณมัวแต่ลังเลที่จะรับโอกาสต่าง ๆ เพราะกลัวความล้มเหลว หรือเพราะรู้สึกว่าตัวเองยังมีคุณสมบัติไม่ครบเต็ม 100% คุณอาจกำลังปล่อยให้ Imposter syndrome ควบคุมชีวิตอยู่ ให้ตอบตกลงเลย รับโอกาสนั้นมา แล้วจงเชื่อมั่นในเส้นทางที่กำลังก้าวไป อย่าปล่อยให้ความต้องการความสมบูรณ์แบบมาหยุดยั้งคุณจากการลองผิดลองถูก
ถ้ามีใครสักคนมองเห็นศักยภาพของคุณและเชื่อมั่นในตัวคุณจนมอบโอกาสให้ แล้วทำไมคุณถึงไม่เชื่อในตัวเองบ้าง บางทีคุณอาจจะต้องประหลาดใจที่ได้รู้ว่าตัวเองมีความสามารถมากขนาดนี้
4. สร้างทักษะขึ้นมารองรับความเชื่อของคุณ
ความเชื่อมั่นจะแข็งแกร่งมากขึ้นเมื่อมันสร้างขึ้นมาจากทักษะจริง ๆ การลงทุนในการพัฒนาตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้เครื่องมือใหม่ ๆ การขอรับคำติชม หรือการเป็นคนช่างสงสัยและอยากลองสิ่งใหม่ ๆ จะช่วยให้คุณรู้สึกว่าตนเองมีความสามารถและรู้สึกมั่นคงมากขึ้น คุณสามารถเข้าไปดูแหล่งเรียนรู้ฟรีได้ที่ Udemy, Coursera, Grow with Google หรือ LinkedIn
ยิ่งคุณมีความสามารถมากขึ้น คุณก็จะยิ่งรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเวลาที่ต้องแสดงออกและทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่องาน ซึ่งสิ่งนี้เรียกว่า วงจรป้อนกลับเชิงบวก (Positive feedback loop) เมื่อคุณพัฒนาตัวเองและเริ่มลงมือทำ คุณอาจได้รับคำชมเชย การยอมรับ หรือโอกาสใหม่ ๆ ซึ่งจะสร้างวงจรป้อนกลับเชิงบวกขึ้น
กำลังใจนั้นจะเสริมสร้างความมั่นใจให้กับคุณ และกระตุ้นให้คุณเติบโตต่อไป เมื่อเวลาผ่านไป ทักษะและความเชื่อมั่นในตัวเองจะกลายเป็นเหมือนกล่องเครื่องมือที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเติบโตในอาชีพอย่างยั่งยืน
5. แกล้งมั่นใจไปก่อน แล้วความมั่นใจจริง ๆ จะตามมา
เราทุกคนคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “แกล้งทำไปก่อนจนกว่าจะสำเร็จ” แต่การแกล้งมั่นใจจะช่วยให้คุณเอาชนะ Imposter syndrome ได้ยังไงนะ บางครั้งแค่คุณทำอะไรที่ง่าย ๆ ที่แสดงถึงความมั่นใจ แม้ว่าภายในใจจะยังไม่มั่นใจเลย ก็สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีที่คนอื่นมองคุณและวิธีที่คุณมองตัวเองได้ เป็นการให้โอกาสตัวเองได้แสดงออกและลองทำ ในขณะที่ความมั่นใจจริง ๆ ค่อย ๆ เกิดขึ้นตามมา
จำไว้ว่า “แกล้งทำ” ไม่ได้หมายความว่าต้องทำตัวเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวตนของคุณ แต่หมายถึงให้คุณแสดงออกด้วยความเชื่อมั่นว่าคุณมีความสามารถที่จะเติบโต ไม่ใช่ให้ปิดบังตัวตนที่แท้จริง
ความมั่นใจที่แท้จริงไม่ได้หมายความว่าต้องแกล้งทำเป็นรู้ทุกอย่าง แต่มันคือการเชื่อมั่นในความสามารถที่จะเรียนรู้ ปรับตัว และเติบโต ในขณะที่ยังคงเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง
บทสรุป
การเอาชนะ Imposter syndrome เป็นเรื่องของการเรียนรู้ที่จะก้าวไปข้างหน้าโดยให้ความกลัวไปอยู่เบื้องหลัง แทนที่จะปล่อยให้ความกลัวนำทาง จำไว้ว่าการเติบโตในอาชีพไม่ได้สงวนไว้สำหรับคนที่ “พร้อมแล้วทุกอย่าง” แต่จะเป็นใครก็ได้ที่กล้าแสดงความเป็นตัวเอง พร้อมก้าวต่อไป และเชื่อว่าตัวเองสมควรมีที่นั่งในวงสนทนา
หากคุณกำลังมองหาคำแนะนำที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลเพื่อยกระดับอาชีพของคุณอยู่ ลองดูบทเรียนฟรีเกี่ยวกับอาชีพในแอป Naluri หรือจองเวลาเพื่อปรึกษากับโค้ชผู้บริหารจาก Naluri แล้วเริ่มดูแลสุขภาพด้านอาชีพของคุณตั้งแต่วันนี้ได้เลย
อย่าพลาดโอกาสลุ้นรับบัตรของขวัฐ Shopee มูลค่าสูงสุดถึง 600 เหรียญสหรัฐ! ร่วมสนุกกับกิจกรรมชาเลนจ์สุขภาพประจำเดือนสิงหาคม (เส้นทางแห่งความก้าวหน้า) ได้เลยวันนี้! โดยข้อกำหนดและเงื่อนไเป็นไปตามที่กำหนด