Skip to content
5 Career Empowerment Strategies Every Professional Should Know
นัลลูรี่1 min read

5 กลยุทธ์ทรงพลังที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายในอาชีพ

ท่ามกลางตลาดแรงงานที่มีการแข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การที่จะประสบความสำเร็จได้ไม่ได้เกี่ยวกับการทำงานหนักเพียงอย่างเดียว แต่เกี่ยวกับการทำงานอย่างชาญฉลาด การมีอำนาจในอาชีพ (Career empowerment) หมายถึง การที่เราสามารถควบคุมเส้นทางอาชีพของตนเองด้วยความชัดเจน ความมั่นใจ และความตั้งใจ

แทนที่จะรอโอกาสให้วิ่งเข้าหา ผู้ที่เป็นมืออาชีพในการทำงานที่มีอำนาจ (Empowered) จะเป็นฝ่ายเริ่มกำหนดเส้นทางของตนเอง ตัดสินใจเลือกสิ่งต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาว และสร้างอาชีพที่สะท้อนตัวตนและทิศทางที่ตนเองต้องการก้าวไป การมีอำนาจหมายถึงอะไรกันแน่ และทำไมสิ่งนี้จึงมีความสำคัญ

อ่านบทความนี้ต่อเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับ 5 กลยุทธ์พื้นฐานที่จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมเส้นทางอาชีพของตัวเอง กำหนดเป้าหมายด้านอาชีพ และก้าวไปข้างหน้าด้วยความชัดเจนและมั่นใจ

ทำไมการมีอำนาจในอาชีพจึงสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายในอาชีพของคุณ

การมีอำนาจในอาชีพของตัวเองหมายถึงการเป็นคนขับที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยและควบคุมทิศทางด้วยตนเอง แม้ความทะเยอทะยานจะมีบทบาทสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือเครื่องมือที่เหมาะสม วิธีคิดที่ถูกต้อง และกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนพาตนเองไปสู่เส้นทางอาชีพในทิศทางที่ต้องการ

เมื่อคุณมีอำนาจในการกำหนดเส้นทางอาชีพของตนเอง คุณมีแนวโน้มที่จะ

  • รับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมั่นใจ คุณจะปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม การปรับโครงสร้าง หรือการเปลี่ยนตำแหน่ง โดยไม่สูญเสียแรงกระตุ้นไป

  • มองเห็นและคว้าโอกาสในการเติบโต คุณมีแรงขับเคลื่อนที่จะรับความท้าทายใหม่ ๆ หรือโอกาสในการเป็นผู้นำ

  • เป็นผู้สนับสนุนตัวเอง คุณรู้ว่าเมื่อไรที่ต้องปฏิเสธ และเรียกร้องความช่วยเหลือเพื่อความสำเร็จและสุขภาวะของคุณ

  • สร้างความยืดหยุ่นทางจิตใจและหลีกเลี่ยงภาวะหมดไฟ คุณจัดการพลังงานและจัดลำดับความสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้ว่าเมื่อไรที่ควรหยุด เปลี่ยนแนวทาง หรือเดินหน้าต่อ

  • รู้สึกเติมเต็มและมีเป้าหมายในอาชีพมากขึ้น คุณจัดการงานให้สอดคล้องกับค่านิยมส่วนบุคคลและเป้าหมายด้านอาชีพในระยะยาว ส่งผลให้มีความพึงพอใจในงานมากยิ่งขึ้น

“ฉันเชื่ออย่างยิ่งว่าความสำเร็จและการเติบโตในอาชีพของเรานั้นอยู่ในมือของเราเอง และเราต้องทำทุกอย่างที่ขึ้นอยู่กับตัวเราเองเพียงคนเดียว เพื่อให้มั่นใจว่าเป้าหมายได้ถูกตั้งไว้เรียบร้อย ตอบโจทย์ความต้องการ และเติมเต็มความใฝ่ฝันของเราได้สำเร็จ ไม่มีอะไรจะรู้สึกดีไปกว่าการได้สัมผัสถึงอำนาจของตัวเอง และการได้ควบคุมเส้นทางอาชีพด้วยตัวของเราเอง”

— Lidia Plotkina โค้ชผู้บริหารของ Naluri

5 กลยุทธ์เสริมอำนาจในอาชีพที่คุณควรรู้

ก่อนที่เราจะไปเรียนรู้กลยุทธ์ทั้ง 5 แบบกันอย่างละเอียด ควรเข้าใจก่อนว่าการมีอำนาจในอาชีพไม่ได้มีรูปแบบเดียวสำหรับทุกคน มันไม่ใช่แค่การไต่บันไดขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นในองค์กร หรือการเปลี่ยนตำแหน่งงานเท่านั้น แต่มันคือการเลือกอย่างตั้งใจที่สะท้อนถึงจุดแข็ง ค่านิยม และความทะเยอทะยานของคุณ

ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นทำงาน กำลังก้าวเข้าสู่ตำแหน่งผู้นำ หรืออยู่ในช่วงเปลี่ยนแนวทางการทำงาน กลยุทธ์เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณเป็นเจ้าของเส้นทางของตัวเอง และเพิ่มความพึงพอใจในการทำงานในระยะยาว

1. รับผิดชอบการเติบโตในอาชีพของตนเอง

ก้าวแรกในการมีอำนาจก็คือต้องรับผิดชอบการเส้นทางการเรียนรู้ของตัวเอง การรอคอยให้ผู้จัดการหรือบริษัทมาเสนอโอกาสในการเพิ่มทักษะให้จะทำให้คุณไม่พัฒนาไปในทิศทางใดเลย

แทนที่จะปล่อยให้เป็นแบบนั้น คุณควรเริ่มต้นลงทุนในตัวเองโดยมองหาทรัพยากรที่ทำให้คุณไม่ตกเทรนด์ของอุตสาหกรรม โดยอาจเริ่มต้นจากหัวข้อต่อไปนี้

  • ลงเรียนคอร์สออนไลน์ หลักสูตรที่ได้รับใบรับรอง หรือเวิร์กช็อป
  • สมัครรับจดหมายข่าว ฟังพอดแคสต์ที่เกี่ยวกับแวดวงการทำงานของคุณ หรือเข้าร่วมกิจกรรมอีเวนต์
  • ตั้งเป้าหมายการเรียนรู้ทุกไตรมาส ลองนึกดูว่ามีทักษะอะไรอีกบ้างที่คุณอยากฝึกฝนให้เชี่ยวชาญ

วิธีที่ดีในการรักษาความก้าวหน้าของคุณไว้ก็คือการแชร์ความรู้ที่ได้มาบน Linkedin หรือนำความรู้ไปสอนผู้อื่นต่อ ซึ่งไม่เพียงช่วยทบทวนความรู้ให้คุณ แต่ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์และตัวตนทั้งด้านส่วนบุคคลและด้านการทำงานให้แข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย

2. สร้างแบรนด์ส่วนบุคคล

ทุกวันนี้ทุกคนคือแบรนด์ส่วนบุคคลของตนเอง และคุณเองก็ต้องพัฒนาแบรนด์ตัวเองให้ชัดเจน พร้อมทั้งเรียนรู้ที่จะทำการตลาดให้กับตัวคุณเองด้วย อย่างที่ Jeff Bezos เคยกล่าวไว้ว่า “แบรนด์ของคุณคือสิ่งที่ผู้คนพูดถึงคุณตอนที่คณไม่อยู่ ณ ตรงนั้น”

การมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งจะช่วยให้คนในแวดวงเดียวกันมองเห็นคุณ และมองเห็นความสำเร็จของคุณ ทั้งยังช่วยให้คุณขยายเครือข่ายออกไปอีก และดึงดูดโอกาสใหม่ ๆ อีกด้วย

หากคุณเพิ่งเริ่มต้นสร้างแบรนด์ส่วนบุคคล ลองเริ่มจากการถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้

  • อะไรคือสิ่งที่ฉันสนใจจริง ๆ
  • ค่านิยมของฉันคืออะไร
  • ฉันอยากให้ผู้คนรู้จักฉันในเรื่องใด
  • ฉันอยากกำหนดตัวตนของตัวเองให้เป็นอย่างไร
  • ฉันจะสร้างคุณค่าให้กับผู้อื่นได้อย่างไร

เมื่อคุณระบุได้แล้วว่าจุดแข็ง ค่านิยม และสิ่งที่คุณต้องการให้ผู้คนรู้จักคุณในด้านอาชีพคืออะไร

คุณสามารถก็เริ่มลงมือได้เลยด้วยขั้นตอนต่อไนี้

  1. ปรับโปรไฟล์ LinkedIn ของคุณให้โดดเด่น ใส่หัวข้อที่ชัดเจนและมีบทสรุปที่เน้นคุณค่าที่คุณมอบให้กับองค์กร
  2. แบ่งปันข้อมูลหรือแง่คิดจากเรื่องที่คุณเชี่ยวชาญ
  3. มีส่วนร่วมในการสนทนาอย่างตั้งใจ ทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

การมีแบรนด์ส่วนบุคคลที่ชัดเจนและจริงใจจะช่วยให้คุณโดดเด่น และทำให้ผู้อื่นสามารถติดต่อคุณง่ายขึ้นได้ในโอกาสที่เหมาะสมและสอดคล้องกับเป้าหมายในอาชีพของคุณ

3. ฝึกฝนการสื่อสารอย่างมั่นใจจนเชี่ยวชาญ

การสื่อสารแบบมั่นใจ (Assertive communication) คือการที่สามารถแสดงความคิด ความต้องการ และขอบเขตของตัวเองได้อย่างชัดเจน โดยไม่ก้าวร้าวและไม่รู้สึกผิด หลายคนอาจไม่ทันสังเกตว่าการสื่อสารแบบมั่นใจเป็นทักษะที่สำคัญในการสื่อสาร

รูปแบบของการสื่อสาร

การรู้ว่าคุณสื่อสารอย่างไรเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทบทวนตนเองว่ายังมีพื้นที่ตรงไหนที่คุณเติบโตได้อีกบ้างเมื่อเรียนรู้ที่จะสื่อสารอย่างมั่นใจและชัดเจน บางคนอาจสื่อสารได้มั่นใจโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แต่หากคุณไม่เป็นแบบนั้นก็ไม่เป็นไร เพราะเป็นสามารถเรียนรู้และฝึกฝนได้

มาดูรูปแบบการสื่อสารหลักทั้ง 4 แบบกัน

  • การสื่อสารแบบไม่กล้าแสดงออก (Passive): หลีกเลี่ยงความขัดแย้ง ไม่แสดงความคิดเห็น และมักให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้อื่นก่อน
  • การสื่อสารแบบก้าวร้าว (Aggressive): มักเป็นผู้ควบคุมการสนทนา ไม่สนใจความคิดเห็นของผู้อื่น และมักจะดูน่ากลัวหรือไม่ให้เกียรติผู้อื่น
  • การสื่อสารแบบไม่กล้าแสดงออก-ก้าวร้าว (Passive-aggressive): ดูผิวเผินเหมือนจะไม่แสดงออก แต่จะแสดงความโกรธหรือการต่อต้านแบบอ้อม ๆ เช่น พูดประชดประชัน หรือหลีกเลี่ยงปัญหา
  • การสื่อสารแบบมั่นใจ (Assertive): สื่อสารอย่างชัดเจน มั่นใจ และให้เกียรติผู้อื่น โดยสามารถรักษาสมดุลระหว่างความต้องการของตนเองกับของผู้อื่นได้

 

ประโยชน์ของการสื่อสารแบบมั่นใจ (Assertive)

การสื่อสารแบบมั่นใจจะช่วยให้คุณ
  • มั่นใจในตนเองและเห็นคุณค่าของตัวเองมากขึ้น
  • เข้าใจและรับรู้ความรู้สึกของตนเอง
  • พัฒนาทักษะในการตัดสินใจ
  • สร้างความสัมพันธ์ที่จริงใจ
  • มีความพึงพอใจในงานที่ทำมากขึ้น

คุณสามารถนำวิธีต่อไปนี้ไปใช้เพื่อฝึกตนเองให้เป็นสื่อสารได้ชัดเจนและมั่นใจมากขึ้นในที่ทำงาน

  • ใช้ภาษาที่แสดงถึงความมั่นใจและสุภาพกับผู้อื่นเมื่อขอคำติชม ขอต่อรองเงินเดือน หรือเสนอโครงการใหม่
  • ฝึกกำหนดขอบเขตของตัวเอง เช่น “ตอนนี้งานเต็มมือแล้ว เรามาคุยกันเรื่องนี้อีกทีสัปดาห์หน้านะครับ/คะ”
  • เป็นฝ่ายเริ่มติดต่อกับผู้จัดการหรือคนในทีมเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่คาดหวังให้ชัดเจน

4. สร้างและพัฒนาความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์

เครือข่ายของคุณคือหนึ่งในทรัพยากรที่ทรงพลังที่สุดในเส้นทางอาชีพของคุณ แต่การสร้างเครือข่ายไม่ใช่แค่การสะสมรายชื่อผู้ติดต่อเท่านั้น การสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายและเกื้อหนุนซึ่งกันและกันอย่างจริงใจจะช่วยส่งเสริมความมั่นคงและความยั่งยืนในอาชีพของคุณได้ในระยะยาว

เครือข่ายที่แข็งแกร่งไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่มาจากการบ่มเพาะด้วยการมีปฏิสัมพันธ์อย่างจริงใจและสม่ำเสมอ ความสัมพันธ์ก็เหมือนกับอาชีพ จะเติบโตได้เมื่อคุณลงมือเอาใจใส่ดูแล ดังนั้น อย่าเพียงแค่สร้างเครือข่าย แต่ให้คุณบ่มเพาะและดูแลความสัมพันธ์อย่างตั้งใจ

  • แยกแยะว่าใครคือเมนเทอร์ ผู้สนับสนุน และพันธมิตร ทั้งภายในและภายนอกที่ทำงานของคุณ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน
    • เมนเทอร์ (Mentor) คือผู้ให้คำแนะนำ
    • ผู้สนับสนุน (Sponsor) คือผู้ที่ผลักดันการเติบโตของคุณ
    • พันธมิตร (Ally) คือผู้สนับสนุนคุณในที่ที่คุณไม่อยู่
  • ให้ความช่วยเหลือก่อนขอความช่วยเหลือ เช่น แชร์แหล่งข้อมูล ข้อมูลเชิงลึก หรือแนะนำคนที่ควรรู้จักให้

  • นัดพูดคุยกันเป็นประจำ (แม้จะเป็นแบบออนไลน์) และมีส่วนร่วมกับกลุ่มชุมชนของผู้เชี่ยวชาญอย่างสม่ำเสมอ

ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นสามารถเปิดโอกาสใหม่ ๆ และช่วยให้คุณก้าวหน้าไปสู่เป้าหมายในอาชีพได้ ทั้งยังช่วยทำให้เกิดความพึงพอใจในงานอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

5. ตั้งเป้าหมายในอาชีพและทบทวนอย่างสม่ำเสมอ

หากไม่มีแผนที่นำทาง คุณอาจหลงทิศได้ง่าย มืออาชีพที่มีอำนาจในการกำหนดทิศทางการทำงานของตนเองจะตั้งเป้าหมายในอาชีพอย่างชัดเจน และปรับเปลี่ยนตามการเติบโตของตนเอง

  • กำหนดเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว (เช่น 1 ปี 3 ปี และ 5 ปี)
  • ใช้หลัก SMART Goals ซึ่งก็คือ Specific (เฉพาะเจาะจง), Measurable (วัดผลได้), Achievable (ทำได้จริง), Relevant (มีความเกี่ยวข้องกัน) และ Time-bound (มีกรอบเวลา)
  • เช็กความก้าวหน้าทุกไตรมาส และปรับแผนหากจำเป็น
  • เฉลิมฉลองความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จที่เล็กหรือใหญ่

การจดบันทึกในสมุดหรือจดด้วยเครื่องมือแบบดิจิทัลจะช่วยให้คุณกลับมาทวนทวนเส้นทางของตนเองและรักษาแรงจูงใจไว้ได้ การบรรลุเป้าหมายในอาชีพที่มีความหมายต่อคุณคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญของความพึงพอใจในงานและความสำเร็จในระยะยาว.

รู้ว่าเมื่อไรที่ไม่ควรจ่าย: เคล็ดลับเพื่อการลงทุนในอาชีพอย่างชาญฉลาด

แม้การลงทุนในตัวเองจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะคุ้มค่ากับเวลาหรือเงินของคุณ และเช่นเดียวกับการลงทุนรูปแบบอื่นๆ ที่อาจไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่ดีทุกครั้งไป ในความเป็นจริง “การลงทุนในอาชีพ” บางรูปแบบอาจเป็นแค่กระแสที่คนนิยมแต่ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง และอาจทำให้คุณต้องเสียทรัพยากรมากกว่าที่ควร

นี่คือ 5 สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณควรชะลอการใช้จ่าย:

  1. ข้อเสนอให้ผลลัพธ์ที่คลุมเครือหรือเกินจริง อะไรที่ฟังดูดีเกินกว่าที่จะเป็นจริงได้ มักไม่เป็นความจริง
  2. ไม่สอดคล้องกับระยะของอาชีพหรือทิศทางอาชีพของคุณในตอนนี้ อย่าจ่ายเงินเพื่อการอบรมหรือใบรับรองที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อก้าวต่อไปของคุณ
  3. คุณยังไม่ได้ใช้แหล่งเรียนรู้ที่ฟรีหรือมีต้นทุนต่ำ มีหลายแพลตฟอร์มที่มีให้เนื้อหาคุณภาพดีให้ใช้ได้โดยไม่ต้องเสียเงิน ควรลองใช้ดูก่อนที่จะเลือกแหล่งเรียนรู้ที่มีราคาแพง
  4. คุณซื้อเพราะรู้สึกกลัว กดดัน หรือเพราะเปรียบเทียบกับคนอื่น การกลัวว่าจะพลาดโอกาส (Fear Of Missing Out หรือ FOMO) ไม่ใช่เหตุผลที่ดีในการใช้จ่าย ควรเลือกสิ่งที่ตรงกับความต้องการของคุณจริง ๆ ไม่ใช่เพราะทำตามคนอื่น
  5. คุณไม่มีเวลาหรือไม่สามารถทุ่มเทได้อย่างเต็มที่: แม้จะเป็นการลงทุนที่ดีที่สุด แต่ผลลัพธ์ก็จะไม่ดีถ้าคุณไม่สามารถลงมืออย่างจริงจังได้

บทสรุป

การเสริมอำนาจในอาชีพไม่ใช่สิ่งที่ทำเพียงครั้งเดียวแล้วสำเร็จทันที แต่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เป็นการตัดสินใจอย่างมีเป้าหมาย การลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ และการเชื่อมั่นว่าเป้าหมายในอาชีพของคุณนั้นควรค่าแก่การไขว่คว้ามาให้ได้

จำไว้ว่าคุณคือคนที่สามารถผลักดันตัวเองได้ดีที่สุดในเส้นทางอาชีพ ดังนั้น จงกล้าที่จะพูด ลงทุนอย่างชาญฉลาด และกำหนดเส้นทางของคุณเอง อาชีพที่เติมเต็มตัวคุณและสร้างความพึงพอใจในการทำงานเริ่มต้นจากคุณ

ตั้งแต่การจัดการความขัดแย้ง ไปจนถึงการเรียนรู้วิธีสื่อสารอย่างมั่นใจเพื่อสิ่งที่คุณต้องการในที่ทำงาน โค้ชผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมสนับสนุนการพัฒนาในอาชีพของคุณอย่างเต็มที่ไม่แพ้ตัวคุณเอง จองเวลาเพื่อรับคำปรึกษาจากโค้ชผู้บริหารของ Naluri และเริ่มดูแลสุขภาพด้านอาชีพของคุณอย่างจริงจังได้เลยตั้งแต่วันนี้

อย่าพลาดโอกาสลุ้นรับบัตรกำนัล Shopee มูลค่าสูงสุดถึง 600 เหรียญสหรัฐ! มาร่วมสนุกกับกิจกรรมชาเลนจ์สุขภาพประจำเดือนสิงหาคม (เส้นทางแห่งความก้าวหน้า) ได้เลยวันนี้! โดยข้อกำหนดและเงื่อนไขเป็นไปตามที่กำหนด