Skip to content
Conquer The Day with These 5 Habits That Can Help Boost Productivity
นัลลูรี่1 min read

พิชิตความสำเร็จได้ในทุก ๆ วันด้วย 5 นิสัยที่ช่วยเพิ่ม Productivity

เราทุกคนคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า การมีกิจวัตรประจำวันจะช่วยให้วันของคุณเริ่มต้นอย่างประสบความสำเร็จ แต่ว่าจะมีคนสักกี่คนที่ใช้เวลาในตอนเช้าอย่างมีจุดมุ่งหมาย ซึ่งอาจจะหมายถึงการเตรียมอาหารเช้าที่ดีต่อสุขภาพ การทำสมาธิ หรือการหาเวลาสักเล็กน้อยไปออกกำลังกาย 

มีงานวิจัยจาก PubMed ที่แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เราทำเป็นประจำในตอนเช้าจะช่วยเพิ่มความชัดเจนทางจิตใจ ควบคุมการตอบสนองต่อความเครียด และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ โดยร่างกายและสมองของคนเรานั้นตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นในช่วงชั่วโมงแรก ๆ หลังตื่นนอนได้ดี 

หากคุณกำลังอยากทราบว่าการสร้างกิจวัตรยามเช้าที่มีประสิทธิภาพนั้นจะทำได้อย่างไร ต้องไม่พลาดบทความนี้ โดยบทความนี้จะพาคุณไปเรียนรู้วิธีที่จะเปลี่ยนยามเช้าของคุณให้กลายเป็นช่วงเวลาแห่งการเพิ่ม Productivity (ผลผลิต) ด้วยนิสัยแบบต่าง ๆ

5 นิสัยที่ช่วยเพิ่ม Productivity 

การทำกิจวัตรยามเช้าอย่างมีจุดมุ่งหมายจะช่วยให้คุณมีระเบียบวินัย รู้สึกมั่นคงทางอารมณ์ และพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น การเริ่มต้นสร้างกิจวัตรประจำวันอาจฟังดูเหมือนทำยาก แต่คุณสามารถเริ่มได้จากนิสัยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ดีต่อตนเองสัก 2-3 อย่างก่อน แล้วค่อย ๆ ต่อยอดทำเพิ่มไปจนกลายเป็นกิจวัตรยามเช้าของคุณในที่สุด 

มารู้จักกับนิสัยง่าย ๆ ที่จะเปลี่ยนยามเช้าของคุณให้ดีขึ้น และนำคุณไปสู่ความสำเร็จ

1. กุญแจสำคัญคือการดื่มน้ำให้เพียงพอ

หลังจากที่นอนหลับไปเป็นเวลาหลายชั่วโมง ร่างกายของคุณจะอยู่ในภาวะขาดน้ำตามธรรมชาติ ซึ่งอาจส่งผลต่อสมาธิ อารมณ์ และพลังงานได้ โดยงานวิจัยจาก PubMed ชี้ให้เห็นว่า แม้จะเป็นการขาดน้ำเล็กน้อยเพียง 1–2% ก็สามารถทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงได้

เคล็ดลับ: เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการดื่มน้ำ 1 แก้ว (หากมีเกลือแร่ผสมลงไปด้วยก็ยิ่งดี) เพื่อช่วยเติมน้ำให้ร่างกายและกระตุ้นระบบเผาผลาญ และแนะนำให้กินของว่างเบา ๆ ก่อนดื่มกาแฟ เพราะการดื่มกาแฟขณะท้องว่างอาจทำให้เกิดอาการใจสั่นหรือวิตกกังวลได้ในบางคน

ข้อความให้กำลังใจตัวเองจากคุณ Belle Wong โค้ชสุขภาพจิตของ Naluri : 

ถ้าวันไหนลืมดื่มน้ำตอนเช้าก็อย่าตำหนิตัวเอง พอถึงเวลาอาหารมื้อถัดไปหรือตอนทานของว่างค่อยเริ่มดื่มน้ำสักแก้วก็ได้

2. ขยับร่างกายเป็นประจำ 

การออกกำลังกายมักมีความเชื่อมโยงกับอารมณ์ที่ดีขึ้นและสมองที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การเคลื่อนไหวร่างกายแบบเบา ๆ หรือแม้แต่การยืดเหยียดร่างกายในตอนเช้าสามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด การหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน และช่วยเพิ่มสมาธิได้ 

เคล็ดลับ: ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายหนัก  เพียงแค่ยืดเหยียดกล้ามเนื้อหรือเล่นโยคะสัก 5 นาที หรือเดินเร็วสัก 10 นาทีก็เพียงพอแล้ว อีกทางเลือกหนึ่งคือการฝึกสติหรือทำสมาธิ ซึ่งทำได้ง่าย ๆ ภายใน 5–10 นาทีเท่านั้น โดยนั่งหรือนอนในสถานที่ที่เงียบสงบ หลับตาลง แล้วจดจ่อสมาธิไปที่ลมหายใจของตนเอง วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติก ช่วยให้จิตใจรู้สึกสงบ มั่นคง และพร้อมที่จะเริ่มต้นวันใหม่

ข้อความให้กำลังใจตัวเองจากคุณ Belle Wong โค้ชสุขภาพจิตของ Naluri : 

การขยับร่างกายเป็นเรื่องของการดูแลตัวเองให้รู้สึกดี ถ้าวันไหนรู้สึกเหนื่อยก็ไม่จำเป็นต้องฝืน เพียงแค่ยืดเหยียดบนเตียงหรือหมุนไหล่เบา ๆ ก็ถือว่าเป็นการขยับร่างกายแล้ว

3. กินอาหารเช้าที่สมดุล

สิ่งที่คุณกินในตอนเช้าจะส่งผลโดยตรงต่อพลังงานและสมาธิของคุณ การไม่กินมื้อเช้าหรือเลือกกินอาหารเช้าที่มีน้ำตาลสูง เช่น ซีเรียล อาจทำให้เกิดอาการท้องอืดหรือรู้สึกหมดแรงในภายหลังจากการที่พลังงานตกอย่างกะทันหัน 

การกินอาหารที่มีโปรตีนสูงจะช่วยให้อิ่มนานและรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ส่วนการกินผักใบเขียวและธัญพืชไม่ขัดสีจะช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานอย่างต่อเนื่องตลอดวัน

เคล็ดลับ: ลองกินอาหารเช้าง่าย ๆ ที่มีสารอาหารสมดุล เช่น ไข่คนใส่ปวยเล้ง กรีกโยเกิร์ตใส่ถั่วชนิดต่าง ๆ และผลไม้ตระกูลเบอร์รี ข้าวโอ๊ตแช่ข้ามคืน (Overnight Oats) ใส่เมล็ดเจีย

ข้อความให้กำลังใจตัวเองจากคุณ Belle Wong โค้ชสุขภาพจิตของ Naluri : 

ถ้าคุณรู้สึกว่าการทำอาหารในตอนเช้านั้นเร่งรีบเกินไป อาจเปลี่ยนมาเตรียมอาหารแบบง่าย ๆ ไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืนแทน และถ้าวันไหนคุณต้องข้ามการกินอาหารมื้อเช้าก็ไม่เป็นอะไรเลย เพียงแค่เลือกกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ตามปกติในมื้อถัดไป โดยไม่จำเป็นต้องกินชดเชยอาหารมื้อเช้า

4. วางแผนว่าในแต่ละวันจะต้องทำอะไรบ้าง

หากไม่วางแผนการใช้ชีวิตในแต่ละวันไว้ คุณอาจจะไขว้เขวไปกับสิ่งรบกวนหรือเผลอไปทำงานที่มีความสำคัญน้อยกว่าแทน การวางแผนล่วงหน้าจะช่วยลดความเหนื่อยล้าจากการต้องตัดสินใจและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน 

มีการศึกษาวิจัยที่พบว่าการจัดลำดับความสำคัญที่ชัดเจนช่วยให้ทำงานสำเร็จมากขึ้น โดยคุณ Lidia Plotkina โค้ชผู้บริหารของ Naluri แนะนำว่ากรอบแนวคิดอย่าง Eisenhower Matrix (ไอเซนฮาวร์ แมทริกซ์) จะช่วยให้เราแยกแยะได้ว่างานใดเร่งด่วนและงานใดสำคัญจริง ๆ

เคล็ดลับ:  แทนที่จะเขียนรายการสิ่งที่ต้องทำออกมาแบบยาว ๆ  ให้ลองเลือกแค่งานที่สำคัญที่สุด 3 ชิ้นซึ่งต้องทำให้เสร็จออกมาก่อน

ข้อความให้กำลังใจตัวเองจากคุณ Belle Wong โค้ชสุขภาพจิตของ Naluri : 

ในบางวันแผนที่วางไว้อาจไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจ ซึ่งก็ไม่เป็นไร เพราะ Productivity ไม่ใช่การทำทุกอย่าง แต่คือการทำสิ่งที่สำคัญที่สุดต่างหาก 

[TH] Eisenhower Matrix

5. ฝึกสติ

การฝึกสติช่วยลดความเครียด เพิ่มสมาธิ และสร้างความยืดหยุ่นทางจิตใจ งานวิจัยจาก Harvard Health พบว่าการฝึกสติแม้เพียงช่วงสั้น ๆ ก็สามารถช่วยให้สมาธิดีขึ้นได้

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยซันไชน์โคสต์ (University of the Sunshine Coast) ประเทศออสเตรเลีย ได้วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีซึ่งมีอายุเกิน 60 ปี จำนวน 81 คน พบว่าการฝึกสติช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเส้นทางประสาทในสมองที่ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลจากประสาทสัมผัสต่าง ๆ 

เคล็ดลับ: ถ้าคุณเพิ่งเริ่มฝึกสติ ให้เริ่มจากการทำสิ่งที่ง่าย ๆ ก่อน เช่น จดบันทึกวันละ 5 นาที โดยคุณอาจเลือกเขียนถึง 3 สิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณ หรือใช้แอปที่ช่วยแนะนำการทำสมาธิ การฝึกสติแบบสั้น ๆ เหล่านี้จะช่วยให้คุณปรับจิตใจ ลดความฟุ้งซ่านลง และทำให้จิตใจสงบมากขึ้น พร้อมรับมือกับวันนั้น ๆ ได้

สรุป

กิจวัตรในตอนเช้าที่มีประสิทธิภาพไม่จำเป็นต้องซับซ้อน เมื่อเราทำกิจวัตรเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้นเป็นประจำทุกเช้า มันจะสั่่งสมจนกลายเป็นนิสัยติดตัว และช่วยให้เกิดสมาธิ ความยืดหยุ่นทางจิตใจ รวมถึงกลายเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งซึ่งจะนำพาไปสู่ความสำเร็จ

หากคุณสนใจเรียนรู้เคล็ดลับเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเพิ่ม Productivity สามารถเข้าร่วมสัมมนาออนไลน์กับคุณ Lidia Plotkina โค้ชผู้บริหารของ Naluri เพื่อค้นหาคำตอบว่าสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำแต่ละวันจะสามารถช่วยเพิ่มสมาธิ ลดความเครียด และเพิ่ม Productivity ได้อย่างไรบ้าง 

อย่าพลาดโอกาสในการลุ้นรับรางวัล Garmin smartwatch ในกิจกรรมชาเลนจ์สุขภาพประจำเดือนพฤศจิกายน โดยสามารถติดตามอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเข้าร่วมกิจกรรมชาเลนจ์ได้ที่นี่